คดีอาญา หมายถึงคดีที่เกี่ยวกับความผิดและมีโทษซึ่งกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญาและ/หรือกฎหมายอื่นใดตามพระราชบัญญัติต่างๆที่มีโทษทางอาญา เช่น ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พระราชบัญญัติจราจรทางบก เป็นต้น ซึ่งโทษทางอาญานั้นมีอยู่ 5 ประการด้วยกันคือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน และประเภทของคดีอาญานั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือคดีอาญาแผ่นดิน เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้เช่นคดีฆ่าคนตาย หรือคดีลักทรัพย์ และคดีอาญาอีกประเภทหนึ่งก็คือคดีอาญาที่เกี่ยวกับความผิดต่อส่วนตัว เป็นคดีอาญาที่สามารถยอมความกันได้ เช่น คดียักยอก ฉ้อโกง เช็ค เป็นต้น ว่ากันแล้วการต่อสู้ในคดีอาญาเพื่อให้เกิดผลแพ้ชนะคดีสักเรื่องหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว บางคดีก็ยากแก่การเสาะแสวงหาพยานหลักฐาน บางคดีพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ก็ไม่ยอมมาเบิกความเพราะความกลัว หรือไม่อยากจะยุ่งยากยุ่งเกี่ยวด้วย ลำพังเพียงแค่จำเลยมาเบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียวน้ำหนักความน่าเชื่อถือก็น้อยแสนน้อย ศาลก็ไม่เชื่อว่าจำเลยจะเบิกความตามความจริง ท้ายสุดจำเลยก็ต้องแพ้คดีติดคุกไปก็มี ดังนั้น ทนายความ นักกฎหมาย จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนยุติธรรมที่จะช่วยเหลือและปกป้องผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ถูกลงโทษอย่างไม่เป็นธรรมและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเขาได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาจารย์พบทนายความและนักกฎหมายที่ยังไม่เข้าใจถึงการว่าความในดีอาญาอย่างถ่องแท้ ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของการว่าความในคดีอาญากับคดีแพ่งได้ การแสวงหาข้อเท็จจริง รวมไปถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเตรียมคดี วางรูปคดี การเตรียมพยาน การซักถาม ถามค้านในแง่มุมต่างๆ การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์จำเลย เพื่อนำไปสู่การนำสืบหักล้าง
ดังนั้น การฟ้องหรือต่อสู้แก้คดีในคดีอาญา ซึ่งมีกำหนดโทษตามกฎหมายสูงถึงขั้นประหารชีวิต จำคุก เกี่ยวกับอิสรภาพของจำเลย ทนายความจะต้องมีประสบการณ์ มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการวางรูปคดี การถามค้าน ซักถามพยานเป็นอย่างมาก จะทำให้การฟ้องคดีของโจทก์หรือการต่อสู้คดีของจำเลยก็มีโอกาสชนะคดีได้สูง ปรากฏการ “แพะรับบาป” ก็จะหมดไปจากกระบวนการยุติธรรม